Popular Posts

Monday, March 4, 2013

เปิดร้านทำธุรกิจร้านขายก๋วยเตี๋ยว


เปิดร้านทำธุรกิจร้านขายก๋วยเตี๋ยว

         ก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยมีมาเมื่อประมาณสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยมีการติดต่อกับชาวต่างชาติมากมาย และชาวจีนก็ได้นำเอาก๋วยเตี๋ยวเข้ามากินกันในเรือ โดยต้มในน้ำซุป มีการใส่หมู ใส่ผักและเครื่องปรุงเพื่อความอร่อย แต่สำหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในยุคนั้น และได้นำมาประกอบเป็นอาหารอื่นๆ บริโภคกันจนเป็นที่รู้จักกันอย่างดี และเริ่มมีการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวในประเทศไทยในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบาย รัฐนิยม ที่สนับสนุนให้ประชาชน บริโภคก๋วยเตี๋ยวโดยท่านเห็นว่าหากประชาชนหันมาร่วมกันบริโภคก๋วยเตี๋ยว จะเป็นการแก้ไข เศรษฐกิจของชาติในตอนนั้น เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียนในประเทศ ดังคำกล่าวของท่านในสมัยนั้นว่า

“อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน เพราะก๋วยเตี๋ยว มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานพร้อม ทำเองได้ในประเทศไทย หาได้สะดวกและอร่อยด้วย หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งชามทุกวัน
       วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม ตกลงวันหนึ่งค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยหนึ่งวันเท่ากับเก้าสิบล้านสตางค์เท่ากับเก้าแสนบาท เป็นจำนวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้ เงินเก้าแสนบาทนั้น ก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกัน ไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่งคนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาทก็มีราคาหนึ่งบาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยชน์เต็มที่ในค่าของเงิน”นอกจากนี้ ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ยังมีการแต่งเพลงก๋วยเตี๋ยว ให้เป็นที่จดจำของผู้บริโภค ซึ่งในเวลาต่อมาก๋วยเตี๋ยวก็ค่อยๆ เป็นที่นิยมมาจนทุกวันนี้เตรียมเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมีคำถามว่า ถ้าจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวควรมีการเตรียมตัวหรือเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง?ประการแรกนั้น
           ควรจะเตรียมจิตใจของตนเองให้พร้อมว่าจะต้องทำงานหนัก เพราะว่าการประกอบกิจการส่วนตัวนั้น ไม่มีเงินเดือนประจำ หรือรายได้ไม่แน่นอน คือต้องพร้อมที่จะรับความเสี่ยง สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องมีความอดทน ขยันหมั่นเพียร ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เต็มใจที่จะทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจทั้งหมดให้แก่กิจการของตนเองประการต่อมา ต้องเตรียมเรื่องเงินทุน จริงอยู่ที่ว่าการลงทุนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวใช้เงินลงทุนไม่สูง แต่หากไม่มีแผนการที่ดีรองรับก็อาจจะลงทุนแบบสะเปะสะปะ สุดท้ายการลงทุนก็จะบานปลาย ซึ่งการลงทุนก็ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน และค่าเช่าสถานที่แต่ละทำเลจะไม่เท่ากัน เช่น ร้านเล็กๆ ริมถนน ค่าเช่าร้านมีตั้งแต่ 1,000-6,000 บาท ต่อเดือน แล้วแต่ขนาดพื้นที่และความใกล้ไกลจากแหล่งชุมชน หรือร้านในอาคาร ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ค่าเช่า 5,000-7,000 บาท ต่อเดือน แล้วแต่ขนาดอาคาร และความใกล้ไกลจากแหล่งชุมชนเมื่อได้สถานที่ตั้งร้านแล้วก็ต้องพิจารณาถึงการลงทุนในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เราเห็นๆ และเป็นการลงทุนที่เป็นไปได้มากที่สุด
             มักจะเป็นร้านแบบรถเข็น เป็นการใช้รถเข็นในการขาย ซึ่งการลงทุนต่อรถเข็นหรือซื้อรถเข็นสำเร็จรูปมีหลากหลายแบบหลายราคา ต่ำสุดใช้เงินทุน 4,000- 5,000 บาท ต่อคัน เงินทุนอีกก้อนหนึ่งจะต้องใช้ซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ชุดถ้วยชามต่างๆ รวมไปโต๊ะเก้าอี้น่าจะต้องใช้ประมาณ 2-3ชุด เป็นอย่างน้อย รวมใช้เงินทุน 3,000-5,000 บาทนอกจากนี้ จะต้องเก็บเงินทุนส่วนหนึ่งไว้ทำป้ายร้านให้ดูสวยงามน่าเชื่อถือ รวมถึงแผ่นพับใบปลิวต่างๆ ซึ่งอย่ามองว่าไม่สำคัญ เพราะว่าเดี๋ยวนี้การเปิดร้านจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ เนื่องจากว่าคู่แข่งมีมากมายนั่นเองยังมีเงินทุนอีกก้อนหนึ่งจะต้องเตรียมไว้เป็นต้นทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อวัตถุดิบต่างๆ จะต้องมีประมาณ 5,000 บาทเป็นอย่างน้อย (ยิ่งเสียค่าเช่าร้านจะต้องมีเงินทุนสำรองไว้) จริงอยู่ที่ว่าการขายก๋วยเตี๋ยวจะได้เงินสดๆ ทุกวัน แต่อย่าลืมว่ากว่าที่ร้านจะเป็นที่รู้จักอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรกอย่าเพิ่งคาดหวังถึงรายได้ที่เป็นกำไรต่อวัน เอาแค่ให้มีรายได้ไม่ขาดทุนก็ถือว่าโชคดีรวมเบ็ดเสร็จการลงทุนจะต้องใช้เงินประมาณ 20,000-30,000 บาท ซึ่งอาจจะดูว่าต้องใช้เงินทุนที่สูงพอสมควร
              แต่ก็ใช่ว่าผู้ที่มีทุนน้อยจะไม่สามารถเริ่มต้นได้ เช่น อุปกรณ์บางอย่างก็อาจจะใช้มือสอง ซึ่งเดี๋ยวนี้มีร้านขายหลายแห่งหาซื้อไม่ยากนัก หรืออาจจะเปิดร้านขายแบบไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ ว่าแต่ขอให้จิตใจที่มีความพร้อมเป็นพอมีหลายท่านเคยสอบถามเรื่องการขอกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เรื่องนี้ผมไม่อยากจะแนะนำนัก โดยเฉพาะท่านที่เพิ่งเริ่มต้นกิจการใหม่ๆ โอกาสที่ธนาคารจะให้กู้ริบหรี่ ยกเว้นเสียแต่ว่าท่านมีโครงการที่ดีที่เป็นไปได้ หรือมีประวัติการเงินดี หรือมีหลักทรัพย์ หรือมีคนค้ำประกัน ซึ่งธนาคารมักจะพิจารณาให้กู้กับคนที่นำเงินไปขยายกิจการหรือมีกิจการที่เป็นตัวตนอยู่ก่อนแล้วความรู้ต้องครบความรู้นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อาจจะสำคัญกว่าเงินทุนด้วยซ้ำไป เพราะว่าการที่จะทำกิจการใดกิจการหนึ่งถ้าความรู้มีไม่เพียงพอก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ จะว่าไปแล้วการทำกิจการอันใดในเวลานี้จะต้องเจอกับคู่แข่งมากมาย แต่ละรายก็มีดีด้วยกันทั้งนั้น เช่น ท่านคิดจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวที่ปากซอยหน้าบ้าน เมื่อท่านออกไปสำรวจก็จะพบว่ามีเจ้าประจำขายอยู่ก่อน แต่ท่านอย่าเพิ่งท้อถอย ให้ลองพิจารณาว่าที่เขาขายได้ขายดีนั่นเพราะอะไร ถ้าเขาขายดีขอให้คิดว่าท่านโชคดี เพราะนั่นแสดงว่าเป็นทำเลที่เหมาะสม มีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแน่นอน สิ่งที่ท่านจะต้องคิดก็คือว่าถ้าเราจะเปิดขายก๋วยเตี๋ยวแบบเขาอีกสัก 1 ร้าน เราจะสู้เขาได้หรือไม่ สมมติเขาขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นซึ่งเราเองก็จะขายเหมือนกัน ตรงนี้อาจจะต้องคิดหนักหน่อย ถ้าคิดว่ารสชาติของเราเด็ดกว่าก็อาจจะเปิดแข่งได้ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็อาจจะไปขายก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เพื่อสร้างความแตกต่าง หรือขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้าก็ว่ากันไป
นอกจากรสชาติของก๋วยเตี๋ยว สิ่งที่ต้องคำนึงประกอบกัน เช่น การบริหารจัดการภายในร้าน ซึ่งจะต้องมีความรู้พอสมควร อย่างเช่น ร้านที่มีลูกน้อง (อย่างน้อยต้องมี 1 คน) จะต้องปลูกฝังจิตใจในงานบริการให้มีความรู้ความเข้าใจ การแต่งกายจะต้องสะอาด การพูดจาจะต้องเป็นมิตร ไม่ใช่ว่าเอาใครมาให้บริการก็ไม่รู้ หรืออย่างเรื่องการจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบต่างๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ท่านจะต้องมีความรู้ในเรื่องการจัดซื้อ รู้จักการบริหารต้นทุนกำไร ไม่ใช่ขายได้เท่าไรกำไรก็ยิ่งหดหายไป
อีกเรื่องหนึ่งท่านจะต้องมีความรู้ในเรื่องการตลาดั้จะต้องมีการวางแผนในเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้า ยิ่งเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเปิดร้านจะต้องคิดสร้างสรรค์เทคนิคการจูงใจต่างๆ ทั้งเรื่องการพัฒนารสชาติ การพัฒนาเมนูใหม่ๆ ขึ้นมาเสริม และทำอย่างไรจึงจะให้มีลูกค้าขาประจำเกิดขึ้นเยอะๆ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ร้านได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี การตลาดที่ประสบความสำเร็จได้ ท่านจะต้องมีจุดขายของร้าน เช่น ก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดมีป้ายเชลล์ชวนชิม หรือก๋วยเตี๋ยวสุขภาพสูตรสมุนไพร หรือเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือมีเรือโบราณโชว์หน้าร้าน หรือมีชามก๋วยเตี๋ยวใบยักษ์ หรือมีป้ายร้านน่าสนใจ ชื่อแปลกแหวกแนว เป็นต้น

No comments:

Post a Comment