ทำธุรกิจร้านพระเครื่อง
ส่วนตัวเเล้วเท่าที่เห็นมานะครับ ส่วนใหญ่ที่มาเปิดๆกันเนี่ยมีเเต่พระไม่ค่อยมีชื่อครับผมก็ไม่รู้ว่า อยู่กันได้ยังไงกันครับ นับถือเลยครับ เเต่อย่างว่าของพวกนี้ต่างคนต่างคิดกันครับ
บทความน่าสนใจครับ
ความเฟื่องฟูและซบเซาของ วงการพระเครื่อง นั้นค่อนข้างจะผูกติดหรือไปในทิศทาง เดียวกันกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้นวงการพระเครื่อง-ตลาดพระเครื่อง จึงได้รับผลกระทบอย่างมาก บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด วิเคราะห์ไว้ว่า ในช่วงเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการในวงการพระเครื่อง กล่าวคือ ราคาพระเครื่องที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมากในช่วงพ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๔ โดยลดลงประมาณร้อยละ ๔๐-๕๐ ส่วนพระเครื่องยอดนิยมและพระเบญจภาคีนั้นราคาลดลงเพียงร้อยละ ๑๐-๒๐
สำหรับบรรดาแผงพระหรือสถานที่เช่าพระ ตลาดพระนั้น ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบรรดาแผงพระประจำจะเลิกกิจการไปบางส่วน คงเหลือแต่บรรดาผู้ที่อยู่ในวงการเป็นเวลานานหรือผู้ที่สามารถปรับตัวอยู่ รอดได้ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามจำนวนแผงพระจรเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากมีคนที่ตกงานส่วนหนึ่งนำพระเครื่องที่สะสมไว้ออกมาให้เช่า อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เป็นต้นมาวงการพระเครื่องเริ่มฟื้นตัว และจะเห็นได้อย่างชัดเจนใน พ.ศ. ๒๕๔๖ ว่า ตลาดพระเครื่องวงการพระเครื่องเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง โดยจะเห็นได้จาก ราคาพระเครื่องเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ในการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล รวมทั้งการจัดประกวดพระเครื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างมากมาย
ขณะเดียวกันธุรกิจแผงพระเครื่อง ตลาดพระ ที่เริ่มมีผู้คนคึกคักมากขึ้น และบรรดาผู้ประกอบธุรกิจแผงพระเริ่มขยายธุรกิจมากขึ้น โดยการเปิดกิจการในหลายพื้นที่ รวมทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่มีนักลงทุนชาวต่างประเทศหันมาสนใจเช่าพระเครื่องและวัตถุมงคลจากไทยเพื่อนำไปให้เช่าต่อสำหรับผู้ที่สนใจพระเครื่อง และวัตถุมงคลของไทยในต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจ “ตลาดพระเครื่อง”และหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีเม็ดเงินหมุนเวียน คล่องตัวมากขึ้น
พ.ศ. ๒๕๔๖ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสถานการณ์ในวงการพระเครื่องไว้ว่า มีเม็ดเงินในธุรกิจพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสูงถึงเกือบ ๑ หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจแล้วเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๔๐ และธุรกิจ ตลาดพระ เหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะยังมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ ๑๐-๒๐ ต่อปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้คาดสถานการณ์ ตลาดพระในวงการพระเครื่องไว้ว่า ราคาพระเครื่องมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพระชุดยอดนิยมปรับราคาขึ้นถึงร้อยละ ๔๐ และมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ขายก็ไม่สามารถหาของมาให้ลูกค้าได้ตามความต้องการ เนื่องจากในปัจจุบันพระชุดยอดนิยมได้หายไปจากสนามพระ ทำให้พระเครื่องระดับรองๆ เช่น พระชินราชอินโดจีน (พ.ศ. ๒๕๔๘) ของวัดสุทัศน์ พระเครื่องเมืองกำแพงเพชรพิมพ์นาง เป็นต้น หรือพระเครื่องของบรรดาเกจิอาจารย์ที่มีประสบการณ์อัศจรรย์ปรากฏอยู่ตามหน้า หนังสือพิมพ์อยู่เนืองๆ เช่น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้น
พ.ศ. ๒๕๔๘ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสถานการณ์ในวงการพระเครื่อง”ตลาดพระเครื่อง”ไว้ว่า มีเม็ดเงินในธุรกิจพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดพระสูงถึงเกือบ ๒ หมื่นล้านบาท และธุรกิจตลาดพระเหล่านี้ยังมีโอกาศเติบโตอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าตลาดพระเครื่องจะยังมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ ๑๐-๒๐ ต่อปี
พ.ศ. ๒๕๔๙ ต่อเนื่องถึงพ.ศ. ๒๕๕๐ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดสถานการณ์ในวงการพระเครื่องไว้ว่า มีเม็ดเงินในธุรกิจพระเครื่องและธุรกิจ”ตลาดพระเครื่อง”ที่เกี่ยวเนื่องใน พ.ศ. ๒๕๕๐ นี้สูงกว่า ๒.๒ หมื่นล้านบาท และธุรกิจเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งต่างจากเดิมที่อัตราการขยายตัวของธุรกิจนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ ภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าตลาดพระจะยังมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อย ๑๐-๒๐ ต่อปี
อย่างไรก็ตาม”ตลาดพระ”จากกระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพที่เพิ่มขึ้น อย่างมากและต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง ๕ เดือนของ พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแล้วประมาณ ๓๐๐ รุ่น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลอดทั้ง พ.ศ.๒๕๕๐ มีการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพประมาณ ๖๕๐ รุ่น มีเม็ดเงินสะพัดประมาณ ๔ หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประมาณร้อยละ ๘๑ (เดิมประมาณการไว้ที่ ๒.๒ หมื่นล้านบาท) เนื่องจากผู้สร้างจากหลากหลายวงการธุรกิจต่างหันมาสร้างองค์จตุคามรามเทพ จนทำให้”ตลาดพระเครื่อง” ปริมาณการสร้างองค์จตุคามรามเทพเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคย ปรากฏมาก่อนในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล ส่งผลต่อเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างองค์จตุคามฯ เมื่อเทียบระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐ นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
หลังจากที่กระแสความนิยมจตุคามรามเทพซบเซาตั้งแต่ช่วงกลาง พ.ศ. ๒๕๕๐ “ตลาดพระเครื่อง”และทิศทางของ วงการพระเครื่อง ใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากกระแสจตุคามรามเทพซบเซา นับว่าอยู่ในความสนใจของผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดพระเครื่อง-วงการพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงดำเนินการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่อง เพื่อสรุปทิศทางของวงการพระเครื่องในพ.ศ. ๒๕๕๑ และแนวโน้มในอนาคต ซึ่งพอจะสรุปได้ว่าตลาดพระเครื่องยังคงมีแนวโน้มทรงตัวเช่นเดียวกับในช่วง ครึ่งหลังของ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยที่อัตราการเติบโตของตลาดพระเครื่องจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากไม่ได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคามรามเทพ รวมทั้งยังไม่มีกระแสพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใหม่ที่จะสร้างแรงหนุนให้วงการ
พระเครื่องมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับองค์จตุคามรามเทพในช่วง ระยะ ๒ ปีที่ผ่านมา
ในพ.ศ. ๒๕๕๑ “ตลาดพระเครื่อง”ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าบูชาทั้งพระเครื่องรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดสร้างพระเครื่องก็ต้องมีการปรับตัว เนื่องจากต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดสร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจต่อเนื่องในวงการพระเครื่องซึ่งเคยได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคามรามเทพก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของ”ตลาดพระ” ธุรกิจพระเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่ากระแสเงินสะพัดในวงการพระเครื่องยังอยู่ในระดับ ๔ หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับใน พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากยังคงมีการเช่าพระเครื่องอื่นๆ ทั้งพระเกจิ และพระใหม่ โดยราคาของพระเครื่องยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น
ในพ.ศ. ๒๕๕๑ “ตลาดพระเครื่อง”ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าบูชาทั้งพระเครื่องรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดสร้างพระเครื่องก็ต้องมีการปรับตัว เนื่องจากต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดสร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจต่อเนื่องในวงการพระเครื่องซึ่งเคยได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคามรามเทพก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของ”ตลาดพระ” ธุรกิจพระเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่ากระแสเงินสะพัดในวงการพระเครื่องยังอยู่ในระดับ ๔ หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับใน พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากยังคงมีการเช่าพระเครื่องอื่นๆ ทั้งพระเกจิ และพระใหม่ โดยราคาของพระเครื่องยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น
No comments:
Post a Comment