ลงทุนเปิดร้านขายของทำบุญ
อันนี้จะพูดถึงของทำบุญประเภทอาหารนะครับ เช่นใส่บาตรเป็นต้น เช่นอาหารที่สมัยนี้ทันสมัยขึ้นมากครับ เเต่ผมเดาว่าคงนิยมยากหน่อยหละครับ
ที่มาผู้จัดการ
ชุดใส่บาตร แบรนด์ “มหาทาน” นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีแปรรูปอาหารสำเร็จรูปยุคใหม่ ควบคู่กับแรงบันดาลใจที่อยากจะให้พระสงฆ์ได้เก็บอาหารที่ได้รับใส่บาตรในแต่ละวันไว้ฉันได้นานๆ ไม่ต้องเหลือทิ้งน่าเสียดาย นำมาสู่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงการสร้างนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างลงตัว
ทรงวิทย์ หงสประภาส
ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เป็นของบริษัท สหภัณฑ์ เซ็นจูรี่ จำกัด ภายใต้การบริหารของ “ทรงวิทย์ หงสประภาส” หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง สำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อาหาร มีจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัวทำธุรกิจผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิด กระทั่ง แตกไลน์มาทำธุรกิจอาหารแปรรูป โดยเจาะจงใช้เทคโนโลยีรีทอร์ท (Retort) เพราะเห็นโอกาสที่เป็นเทคโนโลยีใหม่มีศักยภาพสูง เหมาะต่อยอดทำผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่างๆ ได้หลากหลาย
ทรงวิทย์ อธิบายเสริมว่า เทคโนโลยีรีทอร์ทใช้ในการแปรรูปอาหาร โดยอาศัยความร้อนฆ่าเชื้อในอาหารซึ่งบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท โดยบริษัทเลือกใช้บรรจุภัณฑ์เป็น “ถุงทนความร้อน” (Pouch) ซึ่งมีความหนาถึง 5 ชั้น แข็งแรงทนทาน สามารถทนทั้งความร้อนและความดันสูงได้ อากาศและเชื้อโรคจึงไม่สามารถซึมผ่านได้หลังจากปิดผนึกแล้ว
คุณสมบัติสำคัญเทคโนโลยีรีทอร์ท จะช่วยให้สามารถเก็บอาหารปรุงสำเร็จรูปในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 12-18 เดือน โดยไม่ใส่สารกันบูดใดๆ เลย จึงมีความปลอดภัยสูง รวมถึง สะดวกต่อการจัดเก็บ ขนส่ง พกพา และง่ายเมื่อจะนำออกมากิน นอกจากนั้น สามารถรักษาคุณภาพและรสชาติอาหารได้ดีกว่าประเภทอาหารกระป๋อง
“ในความเป็นจริง เทคโนโลยีนี้ ในต่างประเทศมีใช้กันมานานแล้ว โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความชำนาญสูง ขณะที่อาหารของนักบินอวกาศก็ใช้เทคโนโลยีนี้เช่นกัน ส่วนในเมืองไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เนื่องจากเดิมต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบัน ต้นทุนลดลงมาก ทำให้บริษัทเราเลือกจะใช้เทคโนโลยีนี้มาทำผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป” ทรงวิทย์ เผยและเล่าต่อว่า
ใช้เงินลงทุนในธุรกิจนี้กว่า 7 หลัก ทั้งค่าเครื่องจักร และอุปกรณ์ถุงบรรจุ ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึง ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ร่วมปี โดยเฉพาะด้านรสชาติอาหาร ที่กล้าการันตีว่าอร่อยไม่แพ้อาหารปรุงสดสำเร็จรูป
เชื่อมนวัตกรรมเพื่อกิจกรรมพุทธศาสนา ภายใต้แผนธุรกิจของบริษัท ทรงวิทย์ ระบุว่า เตรียมจะออกผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปบรรจุซองโดยใช้เทคโนโลยีรีทอร์ทในหลายๆ ประเภท ทั้งอาหารเพื่อคน และอาหารสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ และบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป มุ่งวางขายตลาดทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความตั้งใจของบริษัท คือ อยากจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนส่งเสริมกิจกรรมทำบุญ และพุทธศาสนาด้วย จึงเป็นที่มาของชุดอาหารสำเร็จรูปเพื่อใส่บาตร แบรนด์ “มหาทาน”
“ครอบครัวของผมผูกพันกับพุทธศาสนามาก ทุกวันอาทิตย์พวกเราจะไปทำบุญที่วัด กระทั่ง เมื่อเรามาทำผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ก็เกิดแนวคิด อยากมีส่วนส่งเสริมกิจกรรมการทำบุญด้วย จากที่มักเห็น อาหารใส่บาตรให้พระสงฆ์ในแต่ละวัน มีจำนวนเยอะมาก ยิ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา อาหารจะมากขึ้นหลายเท่าตัว ในที่สุดก็ต้องเหลือทิ้ง ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ของเรา สามารถเก็บอาหารไว้ได้เป็นเวลานาน กลายเป็นแรงบันดาลใจ อยากทำชุดใส่บาตรสำเร็จรูป ซึ่งพระสงฆ์ท่านสามารถเก็บไว้ฉันได้นานๆ หรือพกติดตัวเวลาออกธุดงค์ รวมถึง สามารถนำไปบริจาคต่อ หรือนำไปช่วยเหลือในเหตุภัยพิบัติต่างๆ” ทรงวิทย์ กล่าว
ใน 1 ชุดของ “มหาทาน” จะประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ น้ำดื่ม และแกง ซึ่งมีให้เลือกทั้งแกงเขียวหวานไก่ แกงพะแนงไก่ แกงมัสมั่นไก่ ต้มข่าไก่ และต้มยำกุ้ง เป็นต้น ขายในราคาชุดละ 40 บาท โดยช่องทางตลาดเบื้องต้น รับผลิตตามออเดอร์ และสั่งผ่านเว็บไซต์ที่ www.fackbook.com/mahatarn
ใน 1 ชุดของ “มหาทาน” จะประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ น้ำดื่ม และแกง ซึ่งมีให้เลือกทั้งแกงเขียวหวานไก่ แกงพะแนงไก่ แกงมัสมั่นไก่ ต้มข่าไก่ และต้มยำกุ้ง เป็นต้น ขายในราคาชุดละ 40 บาท โดยช่องทางตลาดเบื้องต้น รับผลิตตามออเดอร์ และสั่งผ่านเว็บไซต์ที่ www.fackbook.com/mahatarn
“ผมไม่ปฏิเสธว่า เราทำธุรกิจเพื่อหาผลกำไร แต่เรามุ่งหากำไรจากผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ของเรามากกว่า แต่สำหรับชุด “มหาทาน” แล้ว ไม่ได้หวังเรื่องกำไรเลย ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว ชุดละ 40 บาท เราแทบไม่ได้กำไรเลย แต่ความตั้งใจที่แท้จริงของครอบครัวผม คือ อยากให้ชุดใส่บาตรสำเร็จรูปเป็นตัวแทนของการ “ให้” ซึ่งทุกคนสามารถนำสิ่งของที่มีคุณภาพไปใช้ในการทำบุญ ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขทั้งแก่ผู้รับและผู้ให้” ทรงวิทย์ กล่าวในตอนท้าย
บทความจาก ผู้จัดการ
No comments:
Post a Comment